Photobucket
MSN: irpcwellnessclub@gmail.com
Email: health_60mm@ymail.com
Phone: 0-81845-4747

Video ผู้เชี่ยวชาญพูดถึงผลร้ายของ Fast Food

อาหาร Fast food ให้โทษกับคุณอย่างไร ?


มาดูกันก่อนนะครับ...ว่าฟาสต์ฟู้ด Fast food คืออะไร จั๊งฟู้ด Junk food คืออะไร ฟาสต์ฟู้ด (Fast food)โดยทั่วไปจะหมายถึงอาหารจานด่วนที่หาง่าย รวดเร็ว ไม่แพง สั่งแล้วรอเดี๋ยวเดียวได้กิน เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายหรือทำเตรียมไว้แล้วเป็นส่วนใหญ่ อาจจะมีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการครบหรือไม่ครบบ้างแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด ถ้าจะว่าไปอาหารจานเดียวอย่างข้าวแกงบ้านเราก็อาจจัดได้ว่าเป็น fast food ได้เหมือนกัน เพราะสั่งปุ๊บได้ปั๊บเหมือนกัน จั๊งค์ฟู้ด (Junk Food) ถือว่าเป็นส่วนย่อยของอาหาร Fast Food อีกทีหนึ่ง แต่จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เบอร์เกอร์ ไก่ทอด มันฝรั่งทอด ฮอทดอก พิซซ่า โดนัท น้ำอัดลม ลูกอม ขนมขบเคี้ยว ที่ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปด้วย แป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือ ไม่ค่อยมีวิตามินและใยอาหาร ซึ่งส่วนประกอบในอาหาร Junk food นี่แหละที่ส่งผลกับร่างกายเรา ปัจจุบันพบว่าคนในเมืองใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วนหรือจั๊งฟู้ดมากขึ้น ด้วยเพราะสิ่งแวดล้อม สังคม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แล้วคุณรู้มั้ยว่า? พฤติกรรมการบริโภคที่นิยมอาหารจานด่วนเป็นสาเหตุสำคัญของโรคถึงร้อยละ 85 (ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 15 มาจากกรรมพันธุ์) ซึ่งได้แก่ภาวะโรคอ้วน มะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่ต่ำลง เนื่องมาจากภาวะที่ร่างกายมีไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลสูง ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละชนิดก่อให้เกิดอะไรบ้าง ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fats) : อาหารประเภททอด เช่น ไก่ทอด มันฝรั่งทอด มักจะใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวทอด เนื่องจากว่ามีราคาที่ค่อนข้างถูกนั่นเอง แถมยังสามารถทนต่อความร้อนหรืออุณหภูมิสูงในน้ำมันทอดได้ดีอีกด้วย การทานอาหาร Junk Food เราจะได้รับไขมันมากกว่าที่ร่างกายต้องการสำหรับ 1 มื้อ ถ้ากินบ่อยเกินไปอาจมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้นด้วย เกลือ (Salt;Sodium) : โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราต้องการเพียงเล็กน้อยใน 1 วัน แต่อาหารประเภท Junk Food จะมีปริมาณโซเดียมเป็นส่วนผสมในสัดส่วนที่สูงมาก ถ้ารับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ก็จะทำให้ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจอีกด้วย ปริมาณโซเดียมที่มากที่สุดต่อ 1 วันที่คนเราต้องการนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 มก. น้ำตาล (Sugar) : น้ำอัดลม ลูกอม โดนัท นั้นจะมีระดับน้ำตาลในปริมาณสูงมาก การที่เราบริโภคเข้าไปในปริมาณมากย่อมส่งผลเสียโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว อาจทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของการเกิดฟันผุอีกด้วย คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) : เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายก็จริง แต่หากเรากินเข้าไปมากเกินความต้องการใน 1 มื้อ ส่วนที่เหลือใช้ก็จะเก็บสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วโรคอ้วนก็จะถามหา

ฟังความรู้เพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ จาก Video ข้างบนบทความ

ดื่มน้ำมากๆ ช่วยกำจัดไขมันได้



ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อเลยว่า น้ำเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในการควบคุมน้ำหนักและรักษาน้ำหนักตัวหลังจากที่ลดน้ำหนักได้แล้ว ถึงแม้ว่าคนเราส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญในการดื่มน้ำเท่าใดนัก แต่น้ำกลับเปรียบเสมือนยาสำหรับการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ถาวรตลอดไป

การดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการควบคุมปริมาณของเหลวในร่างกาย เมื่อน้ำไม่พอร่างกายจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่า ร่างกายอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำ เพราะฉะนั้นให้เก็บสะสมน้ำที่มีอยู่ในร่างกายทั้งหมด ตามบริเวณภายนอกของเซลล์ พื้นที่ของเซลล์ก็จะขยายเพิ่มมากขึ้น อาการนี้สังเกตได้จากการบวมของมือ ข้อเท้า แขนและขา เป็นต้น การขับปัสสาวะช่วยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเพราะน้ำบางส่วนถูกขับออกไปและสารอาหารบางอย่างที่สำคัญก็จะถูกขับออกไปด้วย เมื่อน้ำถูกขับออกไปร่างกายก็จะส่งสัญญาเตือนอันเดิมให้เก็บสะสมน้ำไว้ แล้วร่างกายก็จะเกิดภาวะเช่นเดิมวนกลับไปกลับมาเนื่องจากน้ำไม่พอตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้น ทางแก้ที่ดีที่สุดคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นปริมาณมาก ร่างกายจะรู้ว่าไม่ขาดแคลนน้ำแล้วจะเริ่มปล่อยน้ำที่สะสมไว้ให้ออกไปจากร่างกาย

ถ้าคุณมีปัญหาเป็นประจำเกี่ยวกับการสะสมของน้ำในร่างกายสาเหตุหนึ่งที่สำคัญอาจมาจากการบริโภคเกลือมากเกินไป ร่างกายสามารถรับปริมาณโซเดียมในเกลือได้แค่เพียงปริมาณหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุณบริโภคเกลือมากเกินไป ร่างกายต้องใช้น้ำจำนวนมากเพื่อละลายเกลือหรือโซเดียม การดื่มน้ำเพิ่มมาก ๆ เป็นวิธีการง่าย ๆ ที่จะช่วยขจัดเกลือที่เกินความต้องการของร่างกายให้ออกไป เพราะน้ำจะถูกขัผ่านไตและไตจะขับถ่ายโซเดียมที่เกินออกไปจากร่างกาย

น้ำถือเป็นหัวใจสำคัญในการละลายไขมันสะสมของร่างกาย เพราะฉะนั้น คนที่มีน้ำหนักมากต้องดื่มน้ำมากกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อยกว่า น้ำช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับ เมื่อกล้ามเนื้อจับกลุ่มกันอย่างเป็นธรรมชาติจะช่วยปกป้องการสูญเสียน้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยปกป้องผิวหนังไม่ให้

น้ำช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ระหว่างการลดน้ำหนักร่างกายมีของเสียจำนวนมากที่จะต้องขับถ่ายออกไป ไขมันสะสมที่ถูกละลายจะต้องถูกขับออกไป แน่นอนการดื่มน้ำให้ เพียงพอจะช่วยร่างกายขับของเสียเหล่านี้ออกไป

น้ำช่วยขจัดปัญหาอาการท้องผูก เมื่อร่างกายได้รับน้ำน้อยลำไส้ใหญ่จะดูดชักน้ำออกมา ทำให้เกิดอาการท้องผูก แต่เมื่อได้รับน้ำเพียงพอ ระบบขับถ่ายก็จะดีขึ้น

จากผลการวิจัยทั้งหมดนี้เราได้ค้นพบความจริงเกี่ยวกับน้ำและการลดน้ำหนักว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร ร่างกายไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติถ้าน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายไม่สามารถละลายไขมันสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้าขาดน้ำ ปัญหาของน้ำที่ถูกเก็บสะสมไว้ในร่างกายแสดงให้เห็นในรูปของน้ำหนักตัวเกิน เพื่อขจัดปัญหาน้ำสะสมในร่างกายต้องต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอจำเป็นมากสำหรับการลดน้ำหนัก คนเราควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไรถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย โดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วไปควรจะดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน อย่างไรก็ตาม คนที่มีน้ำหนักเกิน มาตรฐานควรดื่มน้ำเพิ่ม 1 แก้ว ต่อทุก ๆ 25 ปอนด์ หรือ 11.33 กิโลกรัมของน้ำหนักตัวที่เกิน ถ้าคุณออกกำลังกายหรือสภาพอากาศร้อนและแห้ง คุณควรดื่มน้ำเพิ่มขึ้นกว่าปกติ น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำเย็นจะดีกว่าน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเย็นได้ดีกว่าน้ำร้อน มีหลักฐานจากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าน้ำเย็นช่วยเผาผลาญพลังงาน

เพื่อประโยชน์สูงสุดจากการดื่มน้ำในระหว่างโปรแกรมควบคุมน้ำหนักควรปฏิบัติตามดังต่อไปนี้

เช้า 750 มิลลิตร ควรดื่มในช่วง 30 นาทีติดต่อกัน
บ่าย 750 มิลลิตร ควรดื่มในช่วง 30 นาทีติดต่อกัน
เย็น 750 มิลลิตร ควรดื่มระหว่าง 17.00 น. ถึง 20.00 น.

เมื่อร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปริมาณของเหลวในร่างกายอยู่ในภาวะที่สมดุล เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะเช่นนี้แสดงว่าร่างกายได้ผ่านพ้นจุดที่สำคัญที่สุดเพราะต่อมเอนโดรีนย์ (Endorine Gland) จะทำงานได้ดีขึ้น ปัญหาของเหลวที่สะสมในร่างกายก็จะหายไป ตับสามารถละลายและเผาผลาญไขมันสะสมได้มากขึ้น อาการกระหายน้ำโดยธรรมชาติกลับมาเหมือนเดิม อาการความอยากอาหารแบบไม่เป็นเวลาก็หายไป แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณดื่มน้ำไม่พอ ร่างกายก็จะกลับไปสู่สภาพเดิแล้วคุณก็จะต้องเริ่มต้นใหม่เพื่อแก้ปัญหาร่างกายสะสมน้ำให้หมดไป

ป้องกันมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระด้วย "ชาเขียว"

ชาเขียวสามารถส่งเสริมการรักษาเคมีบำบัด ช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด นอกจากนี้ชาเขียวยังมีผลดีต่อโรคหัวใจ และมีการนำชาเขียวมาใช้ในการป้องกันและรักษาโรคหลายอย่าง ได้แก่ ป้องกันและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง ไขมันคอเลสเตอรอสและ ไตรกลีเซอไรด์ ความดันโลหิตลดการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดโรคหัวใจและโรคตับ โรคเหงือกอักเสบ
ชาเขียวเป็นชาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีนแถบตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศญี่ปุ่น บางประเทศในทวีปแอฟริกาเหนือ และแถบตะวันออกกลาง ประโยชน์ทางการแพทย์ของชาเขียวคือเป็นตัวกระตุ้นให้ตื่นตัวและช่วยในการย่อยอาหาร ในชาจะมีสารประกอบทางเคมีชนิดหนึ่งเรียกว่าโพลีฟีนอล (Polyphenol) สารดังกล่าวเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งสามารถูกดูดซึมได้เร็วและกระจายตัวได้ดีในร่างกายของเรา จากการศึกษาและรายงานจำนวนมากแนะนำว่าการดื่มชาสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลายชนิด ชาเขียวสกัดประกอบไปด้วยสารออกฤทธิ์หลายชนิดที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ผลการศึกษาวิจัยแสดงว่า ในชาเขียวมีสารประกอบที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(แอนตี้ออกซิเดนท์)อยู่และอาจมีมากกว่าในชาดำเสียอีก ซึ่งที่เป็นเช่นนี้เพราะระหว่างการหมักบ่มใบชาเขียวจะมีการทำลายหรือเสื่อมสลายของสารบางตัวไป

มีงานศึกษาวิจัยบางชิ้นพบว่าน้ำชาที่ได้จากชาเขียวหรือชาดำที่สกัดเอาสารคาเฟอีนออกไปกลับไม่มีฤทธิ์ป้องกันการก่อตัวของมะเร็งเนื้องอก ข้อมูลดังกล่าวทำใหเกิดความสนใจขึ้นว่า บางทีคาเฟอีนอาจจจะเป็นสารออกฤทธิ์ตัวหนึ่งในใบชาที่มีผลทางการแพทย์ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามงานวิจัยทดลองอีกหลายชิ้นก็ระบุว่า ชาที่สกัดเอาคาเฟอีนออกแล้วนั้นยังคงให้ผลดีในการทดลองในระบบอื่นๆได้ ผลิตภัณฑ์ชาเขียวได้ จากการเก็บใบจากต้น มาตากแห้งหรืออบแห้งโดยไม่ผ่านกระบวนการหมักบ่มใด แต่ส่วนที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเรามากที่สุดคือยอดอ่อน นอกจากนั้นแล้วขึ้นอยู่กรรมวิธีการเก็บเกี่ยวและการผลิตอีกด้วย